ในการเลือกตั้งซ่อมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จังหวัดพิษณุโลก เขต 1 ที่กำลังจะมีขึ้น พรรคประชาชนได้เตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ โดยมีแผนส่ง “โฟล์ค ณฐชนน ชนะบูรณาศักดิ์” ลงสมัครรับเลือกตั้ง เพื่อสานต่อภารกิจของ “หมออ๋อง ปดิพัทธ์ สันติภาดา” อดีต ส.ส. ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง
เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2567 นายศรายุทธ ใจหลัก เลขาธิการพรรคประชาชน ได้เปิดเผยถึงมติของคณะกรรมการบริหารพรรคว่า ได้อนุมัติให้ส่งผู้สมัครลงแข่งขันในการเลือกตั้งซ่อม ส.ส. พิษณุโลก เขต 1 แทนตำแหน่งที่ว่างลง โดยมอบหมายให้คณะกรรมการสรรหาผู้สมัครดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ในข้อบังคับพรรคและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ภายหลังการเปิดรับสมัคร ปรากฏว่า นายณฐชนน ชนะบูรณาศักดิ์ หรือ “โฟล์ค” ได้แสดงความประสงค์ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้ง โดยจะมีการจัดการทำไพรมารีโหวตในวันที่ 12 สิงหาคม เพื่อคัดเลือกผู้สมัครอย่างเป็นทางการต่อไป
ประวัติและประสบการณ์ของ “โฟล์ค ณฐชนน”
นายณฐชนน ชนะบูรณาศักดิ์ หรือ “โฟล์ค” เป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่มีประสบการณ์ทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง โดยเคยร่วมงานกับอดีตพรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกลมาโดยตลอด พรรคประชาชนมีความมั่นใจในอุดมการณ์และจุดยืนของนายณฐชนน เนื่องจากเขามีความชัดเจนในการทำงานและมีความใกล้ชิดกับนายปดิพัทธ์ สันติภาดา หรือ “หมออ๋อง” โดยเฉพาะในด้านงานพื้นที่ ซึ่งมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนในท้องถิ่น
ประวัติการศึกษาของนายณฐชนนนั้น จบการศึกษาจากโรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจากวิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยนเรศวร ในสาขานิติศาสตร์ นอกจากนี้ เขายังเป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัว คือ ห้างหุ้นส่วนจำกัด พิษณุโลกไทย นครหล่อยาง
ประสบการณ์การทำงานของนายณฐชนนนั้นหลากหลายและน่าประทับใจ โดยเคยดำรงตำแหน่งประธาน YEC หอการค้าจังหวัดพิษณุโลก และประธาน Young FTI สภาอุตสาหกรรมจังหวัดพิษณุโลก นอกจากนี้ ยังเคยทำหน้าที่เป็นผู้ชำนาญการประจำตัว ส.ส. “หมออ๋อง” และเป็นคณะทำงานประจำตัวรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ในตำแหน่งนักวิชาการ รวมถึงเป็นที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการทหารประจำจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งนำโดยนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส. บัญชีรายชื่อ
ด้วยประสบการณ์อันหลากหลายและความเข้าใจในปัญหาของท้องถิ่น พรรคประชาชนเชื่อมั่นว่านายณฐชนนจะสามารถสานต่อภารกิจของ “หมออ๋อง” ในการดูแลและแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนในเขตเลือกตั้งที่ 1 จังหวัดพิษณุโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้จึงถือเป็นโอกาสสำคัญที่ประชาชนจะได้เลือกผู้แทนที่มีความพร้อมและมุ่งมั่นในการทำงานเพื่อประโยชน์ของท้องถิ่นอย่างแท้จริง