ระเบิดฝน” ปรากฏการณ์ฝนตกหนักผิดปกติ: ภัยธรรมชาติใหม่ในยุคโลกร้อน

เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2567 ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม และอาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับปรากฏการณ์ “Rain Bomb” หรือ “ระเบิดฝน” ผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยอธิบายว่าเป็นคำศัพท์ใหม่ที่ยังไม่ได้ใช้อย่างเป็นทางการในวงการวิชาการ แต่มีความหมายโดยทั่วไปถึงฝนที่ตกอย่างหนักหน่วงในระยะเวลาอันสั้น จนทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน

ปรากฏการณ์นี้มีลักษณะคล้ายกับ “ฟ้ารั่ว” โดยมีน้ำฝนปริมาณมหาศาลถาโถมลงมาจากท้องฟ้าในช่วงเวลาเพียงไม่กี่นาที ส่งผลให้ระบบระบายน้ำแบบดั้งเดิมไม่สามารถรองรับได้ทัน ก่อให้เกิดผลกระทบรุนแรงต่อชีวิต ทรัพย์สิน และการดำรงชีวิตของประชาชน

สาเหตุและผลกระทบของ “ระเบิดฝน”

ผศ.ดร.ธรณ์ อธิบายว่า ปรากฏการณ์ “ระเบิดฝน” มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นบ่อยครั้งขึ้นในยุคโลกร้อน เนื่องจากอุณหภูมิของมหาสมุทรที่สูงขึ้นทำให้เกิดการระเหยของน้ำในปริมาณมาก ประกอบกับอากาศที่ร้อนขึ้น ส่งผลให้เมฆสะสมไอน้ำในปริมาณมหาศาล พร้อมที่จะปลดปล่อยลงมาในช่วงเวลาอันสั้น

ผลกระทบของ “ระเบิดฝน” มีความรุนแรงและหลากหลาย ขึ้นอยู่กับลักษณะภูมิประเทศของพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ:

  1. ในพื้นที่ภูเขาหรือป่าไม้: อาจเกิดน้ำป่าไหลหลากอย่างรุนแรงและฉับพลัน รวมถึงดินโคลนถล่มในพื้นที่ที่ไม่เคยประสบเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน
  2. ในเขตเมืองที่ราบ เช่น กรุงเทพมหานคร: น้ำท่วมฉับพลันอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เป็นแอ่งกระทะ ส่งผลให้น้ำท่วมบ้านเรือนและยานพาหนะบนท้องถนน

การรับมือกับ “ระเบิดฝน” – ความท้าทายในการคาดการณ์และป้องกัน

การคาดการณ์การเกิด “ระเบิดฝน” ล่วงหน้าเป็นเรื่องยาก เนื่องจากเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันและมีระยะเวลาสั้น ทำให้การเตรียมพร้อมรับมือเป็นไปได้ยาก ต่างจากภัยธรรมชาติอื่น ๆ เช่น สึนามิ ที่สามารถคาดการณ์และเตือนภัยล่วงหน้าได้

อย่างไรก็ตาม ผศ.ดร.ธรณ์ เน้นย้ำว่า “ระเบิดฝน” เป็นคำศัพท์ทั่วไปที่ยังไม่ได้รับการยอมรับในวงการวิชาการอย่างเป็นทางการ ดังนั้น จึงยังไม่มีระบบการพยากรณ์หรือเตือนภัยที่เฉพาะเจาะจงสำหรับปรากฏการณ์นี้

แนวทางการเตรียมพร้อมรับมือ “ระเบิดฝน”

แม้ว่าการคาดการณ์ “ระเบิดฝน” จะเป็นเรื่องยาก แต่ประชาชนสามารถเตรียมพร้อมรับมือได้ดังนี้:

  1. ติดตามข่าวสารและการพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิด
  2. เตรียมแผนอพยพฉุกเฉินสำหรับครอบครัว
  3. จัดเตรียมถุงยังชีพและอุปกรณ์ฉุกเฉินไว้ในที่ที่หยิบใช้ได้สะดวก
  4. หลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วมฉับพลันหรือดินถล่มในช่วงฤดูฝน
  5. ปรับปรุงระบบระบายน้ำรอบบ้านและชุมชนให้มีประสิทธิภาพ

การตระหนักรู้และเตรียมพร้อมรับมือกับ “ระเบิดฝน” เป็นสิ่งสำคัญในยุคที่สภาพภูมิอากาศมีความแปรปรวนมากขึ้น การร่วมมือกันระหว่างภาครัฐ นักวิชาการ และประชาชน ในการพัฒนาระบบเฝ้าระวังและรับมือภัยพิบัติจะช่วยลดความเสียหายและปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น