กรณีอัยการดาว น.ส.สุภาภรณ์ นิปวณิชย์ แจ้งความกองบัญชาการตำรวจไซเบอร์ หลังมารดาวัย 79 ปี ถูกหลอกโอนเงินให้ชายแปลกหน้าในต่างชาติ สูญเงินกว่า 7.6 แสนบาท โดยแอบติดต่อกับชายชื่อแฮร์รี่ ผ่านแอป WhatsApp อย่างต่อเนื่อง
ผู้ก่อเหตุหลอกว่าเป็นนักธุรกิจเวียดนาม ใช้ภาพหล่อโปรไฟล์ บอกจะส่งของมีค่าเป็นทองและเงินสดมาให้แต่มีค่าธรรมเนียมสูง จนคุณแม่ต้องไปเบิกเงินสดทั้งจากบัญชี ฝากประจำ ออมทรัพย์ ตั๋วจำนำทอง และบัตรเครดิต รวมทั้งสิ้น 760,000 บาท
พฤติกรรมของแฮร์รี่และทีมขบวนการโรแมนซ์สแกมใช้ความผูกพันผ่านความรักหลอกให้เชื่อใจ ก่อนใช้วิธีข่มขู่หากไม่โอน เช่น ขู่ฆ่าตัวตาย หรืออ้างว่าจะโดนจับข้อหาขนเงินเถื่อน
อัยการดาวพยายามประสานกับธนาคารเพื่ออายัดบัญชีแต่ถูกปฏิเสธ เนื่องจากไม่มีบัญชีต้นทาง ทำให้คนร้ายมีเวลาหลบหนี ทั้งที่มีหลักฐานชัดเจน ธนาคารบางแห่งยังยืนยันให้รอตำรวจออกหมายจับก่อนเท่านั้น
กรณีนี้สะท้อนถึงช่องโหว่ของระบบการเงิน และความล่าช้าในการป้องกันมิจฉาชีพในธุรกรรมออนไลน์ ซึ่งอัยการดาวยืนยันว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด และเรียกร้องให้ระบบการธนาคารร่วมมือกับตำรวจให้มากขึ้นเพื่อสกัดกลุ่มอาชญากรรมไซเบอร์ที่ยังคงระบาดอย่างต่อเนื่องในสังคมไทย
