“เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ประกาศรีไทร์จากวงการเทควันโด พร้อมเผยอนาคตในวงการบันเทิงและชีวิตส่วนตัว

เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2567 ณ สนามบินสุวรรณภูมิ บรรยากาศเต็มไปด้วยความชื่นมื่นและยินดี เมื่อ “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ เจ้าของเหรียญทองเทควันโด และ “บี” จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง เจ้าของเหรียญทองแดงมวยสากลสมัครเล่น จากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2024 เดินทางกลับถึงประเทศไทย พร้อมด้วยคณะทีมงาน โดยมีนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในการต้อนรับ ท่ามกลางประชาชนและสื่อมวลชนจำนวนมากที่มารอให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น

พาณิภัคกล่าวด้วยความปลาบปลื้มว่า “รู้สึกอบอุ่นและดีใจมากที่มีคนมารับหนูเยอะมากๆ ไม่คิดว่าจะมีคนมาเยอะขนาดนี้ ตอนแรกคิดว่าจะไม่มีคนมารับเลย” เธอยังเล่าถึงความรู้สึกหลังคว้าเหรียญทองว่า “การได้เหรียญทอง มันอิ่มเอมจนนอนไม่หลับ ภูมิใจและดีใจมากที่ทำมันสำเร็จค่ะ มันเป็นประวัติศาสตร์ที่พวกเราร่วมกันเขียน คือมีชื่อประเทศไทยไปปักอยู่ที่ปารีสในเวทีโอลิมปิก หนูรู้สึกภูมิใจมากๆ สำหรับความทุ่มเท ความเหนื่อย ที่หนูเต็มที่มากๆ และทำให้ได้เหรียญทองกลับมา ตอบแทนหนู และคนไทยมากๆ หนูหายเหนื่อยเลยค่ะ”

นักกีฬาสาวยังได้เล่าถึงจังหวะที่เธอกราบขอบคุณโค้ชเช ซึ่งเป็นโมเมนต์ที่สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมทั่วโลก “พูดถึงจังหวะที่กราบโค้ชเช มันเป็นโมเมนต์ที่เราทำได้ หนูก็อยากจะขอบคุณโค้ชมากๆค่ะ ที่ทุ่มเทมากับหนู และเราก็เชื่อใจกันมากๆ ทั้งตอนซ้อมและตอนแข่งขัน อยากขอบคุณคนไทยและโค้ชมากๆค่ะ”

สภาพร่างกายหลังการแข่งขัน

พาณิภัคเปิดเผยถึงสภาพร่างกายของเธอหลังจากการแข่งขันว่า “สภาพร่างกายตอนนี้ หลังแข่งขันไม่ได้มีเจ็บอะไรเพิ่มค่ะ แต่เป็นอาการบาดเจ็บเรื้อรัง ถ้าผ่าตัดต้องใช้เวลาพักนาน หลังจากนี้คิดว่าจะมีเวลาดูแลร่างกายเยอะขึ้น ก็คงไป MRI ไปเอ็กซเรย์ ไปดูร่างกายอย่างละเอียด” เธอยังเล่าต่อว่าก่อนหน้านี้เคยหลีกเลี่ยงการตรวจร่างกายอย่างละเอียดเพราะกลัวผลการตรวจจะส่งผลกระทบต่อจิตใจ แต่ตอนนี้พร้อมที่จะเข้ารับการตรวจอย่างละเอียดแล้ว

ในส่วนของการตัดสินใจรีไทร์ พาณิภัคยืนยันอย่างหนักแน่นว่า “เรื่องการรีไทร์ สำหรับหนู ตัดสินใจแน่นอนแล้วค่ะ ว่าเวทีโอลิมปิกเป็นเวทีสุดท้ายสำหรับชีวิตนักกีฬาค่ะ หนูมองว่าหนังสือเล่มนี้มันจบอย่างสวยงามที่สุดแล้ว และหนูก็เต็มที่ในการเขียนหน้านี้เป็นอย่างดีที่สุดแล้วค่ะ” เธอเปรียบเทียบชีวิตการเป็นนักกีฬาเทควันโดของเธอเหมือนกับการเขียนหนังสือเล่มหนึ่งที่จบลงอย่างสมบูรณ์แบบ

นอกจากนี้ พาณิภัคยังได้เปิดเผยถึงแผนในอนาคตว่า “ตอนนี้มันเหมือนปลดล็อก สำเร็จไปแล้ว ทุกอย่างออกมาสมบูรณ์” เธอกล่าวถึงการเปิดโรงเรียนสอนเทควันโดสาขาที่สอง และยังเปิดกว้างสำหรับโอกาสในวงการบันเทิง โดยเฉพาะการแสดงในซิทคอม “ยังรับงานอื่นๆได้นะคะ งานวงการบันเทิงก็รับค่ะ เพราะมีเวลามากขึ้น มีโอกาสได้ทำหลายๆอย่าง ส่วนเรื่องการแสดง สนใจค่ะ อยากเล่นซิตคอม เล่นเป็นตัวตลกได้ค่ะ”

ท้ายที่สุด เมื่อถูกถามถึงชีวิตส่วนตัว พาณิภัคได้เปิดเผยถึงความสัมพันธ์ของเธอกับ “จูเนียร์” แฟนหนุ่มที่อยู่เคียงข้างเธอมานานถึง 9 ปี “ทุกเส้นทางที่ผ่านมา ก็มีจูเนียร์คอยอยู่ข้างๆค่ะ เขาก็โดนหนูเตะทุกวัน กว่าจะมีวันนี้ก็เหนื่อยด้วยกันมา ร้องไห้ด้วยกันมา” เมื่อถูกถามว่าสามารถเรียกจูเนียร์ว่าแฟนได้หรือยัง พาณิภัคตอบด้วยรอยยิ้มว่า “เดี๋ยวพ่อว่าค่ะ” แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและการให้ความสำคัญกับความรู้สึกของครอบครัว

การประกาศรีไทร์ของพาณิภัคนับเป็นการปิดฉากอย่างสวยงามของนักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย ที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศมาอย่างยาวนาน พร้อมกับการเปิดบทใหม่ของชีวิตในฐานะผู้ฝึกสอนและโอกาสในวงการบันเทิง ซึ่งแฟนๆ ชาวไทยต่างรอคอยที่จะได้เห็นความสำเร็จในบทบาทใหม่ของเธอต่อไป