การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกครั้งที่ 33 หรือ ปารีส 2024 ที่กำลังจะเริ่มขึ้นในวันที่ 26 กรกฎาคม 2567 ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส กำลังเผชิญกับกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากทั่วโลก เมื่อเจ้าภาพประกาศนโยบาย “ไม่เปิดแอร์” ทั้งในรถบัสรับ-ส่งนักกีฬาและในห้องพักภายในหมู่บ้านนักกีฬา สร้างความไม่พอใจให้กับนักกีฬาจากหลากหลายประเทศที่เดินทางมาร่วมการแข่งขัน
คณะกรรมการจัดการแข่งขันได้ประกาศแนวคิดหลักของโอลิมปิกครั้งนี้ว่าจะเน้นการให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อน โดยตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้น้อยกว่าการแข่งขันโอลิมปิก 2012 ที่ลอนดอนถึง 50% นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นการรีโนเวตอาคารที่มีอยู่แล้วแทนการสร้างใหม่ เพื่อลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากการผลิตปูนซีเมนต์ในการก่อสร้าง
อย่างไรก็ตาม นโยบายดังกล่าวได้สร้างความไม่พอใจให้กับนักกีฬาจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่อุณหภูมิในกรุงปารีสเริ่มสูงขึ้น นักกีฬาหลายคนได้แสดงความกังวลผ่านโซเชียลมีเดีย เช่น อรวรรณ พาระนัง นักเทเบิลเทนนิสทีมชาติไทย ที่โพสต์ผ่านไอจีสตอรี่ส่วนตัวว่า “สภาพนั่ง 5 คนร้อนขนาดนี้ ถ้านั่งเต็มทั้งคันรถคงแย่งอากาศกันหายใจ คงมีคนเป็นลมก่อนถึงที่หมาย” นอกจากนี้ยังมีนักกีฬาจากประเทศอื่นๆ เช่น ฟลอเรียน เวลบร็อก นักว่ายน้ำทีมชาติเยอรมนี และนักกีฬาจากออสเตรเลีย ที่ออกมาบ่นถึงสภาพการเดินทางที่ไม่สะดวกสบายและอากาศที่ร้อนอบอ้าวภายในรถบัส
ผลกระทบต่อสุขภาพและประสิทธิภาพของนักกีฬา
การไม่มีเครื่องปรับอากาศในที่พักและรถบัสอาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อสุขภาพและประสิทธิภาพในการแข่งขันของนักกีฬา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูร้อนของปารีสที่อุณหภูมิอาจสูงถึง 30-35 องศาเซลเซียส นักกีฬาอาจเผชิญกับปัญหาต่างๆ เช่น:
- การพักผ่อนไม่เพียงพอ: อากาศร้อนในห้องพักอาจทำให้นักกีฬานอนหลับพักผ่อนไม่เต็มที่ ส่งผลต่อสมรรถภาพร่างกายในวันถัดไป
- ความเครียดจากความร้อน: การเดินทางในรถบัสที่ไม่มีเครื่องปรับอากาศเป็นเวลานานอาจทำให้นักกีฬาเกิดความเครียดจากความร้อน ซึ่งอาจนำไปสู่อาการเพลีย วิงเวียน หรือแม้กระทั่งเป็นลมแดดได้
- การฟื้นฟูสภาพร่างกายช้าลง: อุณหภูมิที่สูงอาจทำให้กระบวนการฟื้นฟูสภาพร่างกายของนักกีฬาหลังการแข่งขันหรือฝึกซ้อมเป็นไปอย่างล่าช้า
สถานการณ์นี้ได้สร้างความกังวลให้กับผู้จัดการทีมและโค้ชจากหลายประเทศ ที่เกรงว่าสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมจะส่งผลกระทบต่อผลงานของนักกีฬาในการแข่งขันครั้งสำคัญนี้
แม้ว่าเจ้าภาพจะมีเจตนาดีในการรักษาสิ่งแวดล้อม แต่หลายฝ่ายเห็นว่าควรมีการปรับนโยบายให้สมดุลระหว่างการอนุรักษ์พลังงานและการดูแลสวัสดิภาพของนักกีฬา โดยอาจพิจารณาทางเลือกอื่นๆ เช่น การใช้พลังงานสะอาดในการผลิตไฟฟ้าสำหรับเครื่องปรับอากาศ หรือการปรับปรุงระบบระบายอากาศในอาคารและยานพาหนะให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ท้ายที่สุด ประเด็นนี้ได้กลายเป็นหัวข้อถกเถียงสำคัญในวงการกีฬาโลก ว่าการจัดการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติจะสามารถสร้างสมดุลระหว่างการรักษาสิ่งแวดล้อมและการดูแลนักกีฬาได้อย่างไร โดยคาดว่าคณะกรรมการจัดการแข่งขันจะต้องพิจารณาทบทวนและปรับปรุงนโยบายดังกล่าวโดยเร็ว เพื่อให้การแข่งขันโอลิมปิก ปารีส 2024 ดำเนินไปอย่างราบรื่นและสมบูรณ์แบบที่สุด