ในวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 ที่ประชุมวุฒิสภาได้มีมติเลือก นายมงคล สุระสัจจะ เป็นประธานวุฒิสภาคนใหม่ ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้นถึง 159 เสียง ซึ่งถือเป็นชัยชนะอย่างถล่มทลาย เหนือคู่แข่งอีกสองท่าน ได้แก่ นันทนา นันทวโรภาส ที่ได้รับคะแนน 19 เสียง และ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุร ที่ได้รับคะแนน 13 เสียง ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ได้สร้างความประหลาดใจให้กับวงการการเมืองมากนัก เนื่องจากนายมงคลเป็นผู้ที่มีประสบการณ์และความสามารถเป็นที่ประจักษ์
ประวัติและการศึกษาของ “มงคล สุระสัจจะ”
นายมงคล สุระสัจจะ หรือที่คนใกล้ชิดเรียกว่า “จ้อน” เกิดเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2495 ที่อำเภอหนองโดน จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันอายุ 71 ปี เขาเริ่มการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ที่โรงเรียนการช่างนครนายก ก่อนที่จะย้ายไปเรียนต่อที่โรงเรียนพานิชยการพระนครศรีอยุธยาในช่วงปี พ.ศ. 2512 – 2515 หลังจากนั้น นายมงคลได้เข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ซึ่งถือเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับเส้นทางการรับราชการและการเมืองในอนาคตของเขา
เส้นทางการรับราชการอันยาวนาน
นายมงคลเริ่มต้นชีวิตการรับราชการในเดือนมกราคม พ.ศ. 2522 โดยเข้าทำงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ในตำแหน่งปลัดอำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย นับเป็นจุดเริ่มต้นของการรับใช้ประเทศชาติในฐานะข้าราชการ ต่อมาในปี พ.ศ. 2532 เขาได้ย้ายไปดำรงตำแหน่งปลัดอำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตการทำงานของเขา เพราะที่นี่เองที่ทำให้เขาได้รู้จักกับนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช ซึ่งดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานีในขณะนั้น
ความสัมพันธ์ทางการเมืองและการเลื่อนตำแหน่ง
การรู้จักกับนายเสริมศักดิ์ ทำให้เส้นทางการรับราชการของนายมงคลก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว เมื่อนายเสริมศักดิ์ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นายมงคลก็ได้ตามไปดำรงตำแหน่งนายอำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม ก่อนที่จะได้รับการโยกย้ายไปดำรงตำแหน่งนายอำเภอในหลายพื้นที่ ได้แก่ อำเภอธาตุพนม อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก และอำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี จนกระทั่งได้เลื่อนตำแหน่งเป็นรองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ
ในปี พ.ศ. 2551 นายมงคลได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งทำให้เขาได้รู้จักกับนายเนวิน ชิดชอบ นักการเมืองที่มีอิทธิพลในพื้นที่ ความสัมพันธ์นี้ถือเป็นอีกหนึ่งจุดสำคัญในเส้นทางการเมืองของนายมงคล
การดำรงตำแหน่งระดับสูงในกระทรวงมหาดไทย
หลังจากประสบความสำเร็จในการบริหารจังหวัด นายมงคลได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชนในปี พ.ศ. 2552 โดยนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล และในปีถัดมา เขาได้เลื่อนตำแหน่งเป็นอธิบดีกรมการปกครอง ในสมัยรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความไว้วางใจที่รัฐบาลมีต่อความสามารถของนายมงคล
น่าสนใจว่าในปลายปี พ.ศ. 2553 นายมงคลได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย แต่เขาได้ขอถอนตัวจากการพิจารณาในครั้งนั้น ซึ่งอาจเป็นการตัดสินใจที่มีเหตุผลทางการเมืองหรือส่วนตัวที่ซับซ้อน
บทบาทใหม่ในฐานะประธานวุฒิสภา
การได้รับเลือกให้เป็นประธานวุฒิสภาในวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้นถึง 159 เสียง ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในชีวิตการเมืองของนายมงคล สุระสัจจะ ชัยชนะอย่างท่วมท้นนี้แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่สมาชิกวุฒิสภามีต่อประสบการณ์และความสามารถของเขา
ความท้าทายในตำแหน่งใหม่
ในฐานะประธานวุฒิสภาคนใหม่ นายมงคลจะต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการรักษาความเป็นกลางทางการเมือง การสร้างความสมดุลระหว่างอำนาจนิติบัญญัติและบริหาร รวมถึงการนำพาวุฒิสภาให้ทำหน้าที่ตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจรัฐบาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความสำเร็จในการบริหารงานในตำแหน่งนี้จะเป็นบททดสอบสำคัญสำหรับประสบการณ์อันยาวนานในวงราชการและการเมืองของนายมงคล
ด้วยประวัติการทำงานที่ยาวนานและหลากหลาย ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ นายมงคล สุระสัจจะ จึงเป็นที่คาดหวังว่าจะสามารถนำพาวุฒิสภาไปสู่การทำงานที่มีประสิทธิภาพและเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติได้อย่างแท้จริง การดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภาของเขาจะเป็นที่จับตามองอย่างใกล้ชิดจากทั้งนักการเมืองและประชาชนทั่วไปในระยะเวลาต่อจากนี้