เปิดใจ “เจี๊ยบ โสภิตนภา” เผยชีวิตด้านมืด: จากคนร่าเริงสู่โรคแพนิค

นักแสดงสาวหน้าเด็ก “เจี๊ยบ โสภิตนภา” เป็นที่รู้จักในฐานะคนร่าเริง สดใส และมีมนุษยสัมพันธ์ดีเยี่ยม แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าเบื้องหลังรอยยิ้มนั้น เธอต้องต่อสู้กับโรคแพนิคที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตอย่างมาก ล่าสุด เจี๊ยบได้เปิดใจเล่าประสบการณ์อันเจ็บปวดนี้ในรายการ “โต๊ะหนูแหม่ม” ที่ดำเนินรายการโดย หนูแหม่ม สุริวิภา

เจี๊ยบเริ่มเล่าถึงจุดเริ่มต้นของปัญหาว่าเกิดจากความเครียดและความกดดันสะสมหลายด้าน เธอต้องต่อสู้กับคำวิจารณ์ที่ว่าเธอเป็น “คุณหนู” ทั้งที่ความจริงแล้วเธอทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ความเครียดเหล่านี้ส่งผลให้เธอเริ่มแยกตัวเองเมื่อกลับถึงบ้าน ปิดประตูห้อง เงียบ และไม่พูดกับใคร บางครั้งถึงขั้นร้องไห้เมื่อเจอปัญหาที่แก้ไขไม่ได้

การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่: จาก Extrovert สู่ Introvert

เจี๊ยบเล่าว่าเธอเคยเป็นคน extrovert ที่ชอบเข้าสังคมและอยู่ข้างนอก แต่อยู่ดีๆ ก็กลายเป็น introvert ที่กลัวคน เงียบ และเก็บตัว อย่างไรก็ตาม เธอยังคงรักโลกและมีความสุขกับการทำงาน แต่บางวันก็รู้สึกเศร้าจนไม่อยากเล่าให้ใครฟัง แม้แต่เพื่อนสนิทอย่าง นุ่น วรนุช ที่คอยช่วยเหลือเธอเสมอ

เมื่อตัดสินใจไปพบจิตแพทย์ หมอได้ให้คำแนะนำว่าเจี๊ยบไม่ได้เป็นโรค แต่เป็นคนที่กำลังเผชิญกับปัญหาชีวิตและแก้ไขไม่ได้ หมอแนะนำให้เธอหลีกเลี่ยงโซเชียลมีเดีย และค่อยๆ แก้ปัญหาทีละอย่าง

อาการแพนิคที่รุนแรงที่สุดของเจี๊ยบคือ เวลาที่ต้องไปคุยงานสำคัญ เธอจะรู้สึกมือสั่น ควบคุมตัวเองไม่ได้ และกลัวมาก ทุกอย่างดูเหมือนจะวิ่งเข้าหารอบตัวจนเธออยู่นิ่งไม่ได้

วิธีการรักษาและฟื้นฟูตัวเอง

แม้จะมีทางเลือกในการรับประทานยา แต่เจี๊ยบเลือกที่จะไม่ทาน และหันมาเปลี่ยนแปลงวิธีการใช้ชีวิตแทน เธอเริ่มแก้ปัญหาทีละข้อตามคำแนะนำของหมอ ลดการใช้โซเชียลมีเดีย และหันมาทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ รวมถึงฝึกสมาธิ

เจี๊ยบใช้เวลาหนึ่งปีในการฝึกปฏิบัติและทำแบบฝึกหัด โดยมีสามีและลูกคอยให้คำแนะนำ นอกจากนี้ เพื่อนสนิทอย่าง เจี๊ยบ ชมพูนุช ยังช่วยสอนโยคะและเทคนิคการหายใจเพื่อจัดการกับความเครียด

ปัจจุบัน อาการของเจี๊ยบดีขึ้นมาก เธอสามารถใช้เทคนิคการหายใจเพื่อควบคุมอารมณ์เมื่อเผชิญกับปัญหาหรือความโกรธได้อย่างมีประสิทธิภาพ

บทเรียนจากประสบการณ์ของเจี๊ยบ

การเปิดใจของเจี๊ยบไม่เพียงแต่เผยให้เห็นถึงความท้าทายที่เธอต้องเผชิญ แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้ที่กำลังต่อสู้กับปัญหาสุขภาพจิตเช่นกัน เรื่องราวของเธอแสดงให้เห็นว่าแม้จะเป็นคนที่ดูประสบความสำเร็จและมีความสุขจากภายนอก แต่ก็อาจซ่อนความทุกข์ไว้ภายใน

การที่เจี๊ยบเลือกที่จะเผชิญหน้ากับปัญหาและหาทางแก้ไขด้วยวิธีธรรมชาติ แสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็งและความมุ่งมั่นของเธอ การสนับสนุนจากครอบครัวและเพื่อนสนิทก็มีส่วนสำคัญในการช่วยให้เธอผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้

ประสบการณ์ของเจี๊ยบยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพจิตและการหาความช่วยเหลือเมื่อจำเป็น ไม่ว่าจะเป็นการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ หรือการเปิดใจกับคนใกล้ชิด การจัดการกับความเครียดและปัญหาสุขภาพจิตอย่างเหมาะสมสามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกและการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้