การแข่งขันฟุตบอลยูโร 2024 รอบ 16 ทีมสุดท้าย ระหว่าง “สิงโตคำราม” ทีมชาติอังกฤษ และทีมชาติสโลวาเกีย ที่สนามอารีน่า เอาฟ์ชาลเก้ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน ที่ผ่านมา จบลงด้วยความระทึกใจ เมื่ออังกฤษสามารถพลิกสถานการณ์เอาชนะไปได้ 2-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ
เกมเริ่มต้นด้วยความดุเดือด โดยสโลวาเกียเกือบได้ประตูนำในนาทีที่ 12 จากจังหวะสวนกลับเร็วของ ยูราย คุชก้า ที่เปิดบอลให้ ลูคัส ฮาราสลิน หลุดเข้าไปยิงในเขตโทษ แต่โชคดีที่แนวรับอังกฤษสามารถบล็อกไว้ได้ทัน
อย่างไรก็ตาม ในนาทีที่ 25 สโลวาเกียก็มาได้ประตูนำ 1-0 จากการทำประตูของ อีวาน ชรานซ์ ที่หลุดเดี่ยวเข้าเขตโทษก่อนจิ้มสวนตัว จอร์แดน พิคฟอร์ด นายทวารอังกฤษเข้าประตูไป ทำให้จบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้
ดราม่า VAR ริบประตูอังกฤษ
ครึ่งหลังเริ่มต้นได้เพียง 6 นาที อังกฤษเกือบได้ประตูตีเสมอจาก ฟิล โฟเด้น แต่ต้องผิดหวังเมื่อ VAR เข้ามาตรวจสอบและพบว่าเป็นจังหวะล้ำหน้าเพียงเล็กน้อย ทำให้ประตูถูกริบคืนไป สร้างความผิดหวังให้กับแฟนบอลอังกฤษเป็นอย่างมาก
เกมดำเนินมาจนถึงช่วงทดเจ็บ และเมื่อทุกคนคิดว่าเกมจะจบลงด้วยชัยชนะของสโลวาเกีย อังกฤษก็มาได้ประตูตีเสมอแบบเหลือเชื่อในนาทีที่ 90+5 จากลูกทุ่มข้างสนาม มาร์ค เกฮี โหม่งเสยเข้าเขตโทษ ก่อนที่ จู๊ด เบลลิงแฮม จะกระโดดตีลังกายิงเสียบตาข่าย เรียกเสียงเฮจากแฟนบอลอังกฤษดังกึกก้อง
ด้วยสกอร์ 1-1 เมื่อครบ 90 นาที ทำให้ต้องต่อเวลาพิเศษออกไปอีก 30 นาที และในนาทีแรกของช่วงต่อเวลา อังกฤษก็มาได้ประตูชัยจาก แฮร์รี่ เคน ที่โหม่งจ่อๆ เข้าประตูไป จากการทำชิ่งของ เอเบอเรชี่ เอเซ่ และ อีวาน โทนี่ย์ ส่งผลให้อังกฤษเอาชนะไปได้ 2-1
ชัยชนะครั้งนี้ทำให้อังกฤษผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย โดยจะพบกับ สวิตเซอร์แลนด์ ในวันเสาร์ที่ 6 กรกฎาคมนี้ ซึ่งคาดว่าจะเป็นอีกหนึ่งเกมที่น่าติดตามเป็นอย่างยิ่ง
ทั้งนี้ รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีมในเกมนี้ประกอบด้วย:
**อังกฤษ (4-2-3-1):** จอร์แดน พิคฟอร์ด, ไคล์ วอล์คเกอร์, จอห์น สโตนส์, มาร์ค เกฮี, คีแรน ทริปเปียร์, ค็อบบี้ เมนู, เดแคลน ไรซ์, บูคาโย่ ซาก้า, จู๊ด เบลลิงแฮม, ฟิล โฟเด้น, แฮร์รี่ เคน
**สโลวาเกีย (4-3-3):** มาร์ติน ดูบราฟก้า, ปีเตอร์ เพคาริค, เดนิส วาฟโร, มิลาน ชคริเนียร์, ดาวิด ฮันช์โค่, ยูราย คุชก้า, สตานิสลาฟ โลบ็อตก้า, ออนเดรย์ ดูด้า, อีวาน ชรานซ์, ลูคัส ฮาราสลิน, ดาวิด สเตรเลช
เกมนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและจิตใจนักสู้ของทีมชาติอังกฤษ ที่ไม่ยอมแพ้แม้จะเสียประตูก่อนและเกือบจะหมดเวลา พวกเขายังคงพยายามจนสามารถพลิกสถานการณ์กลับมาเอาชนะได้ในที่สุด นับเป็นอีกหนึ่งเกมที่จะถูกจดจำในประวัติศาสตร์ฟุตบอลยูโรอย่างแน่นอน